ปรัชญาจากพระคัมภีร์ไบเบิล

30 ปรัชญาจากพระคัมภีร์ไบเบิล ที่ใช้บ่อย ในชีวิตประจำวัน

ปรัชญาจากพระคัมภีร์ไบเบิล รวม 30 ปรัชญาจากพระคัมภีร์ไบเบิล ที่ใช้บ่อย มาทำการเรียนรู้กัน จะมีคำไหนที่เรารู้จักไหมนะ ไปดูกันเลย

รวม 30 ปรัชญาจากพระคัมภีร์ไบเบิล ที่ใช้บ่อยในชีวิตประจำวัน

  1. การคิดเพียงนาทีเดียว มีค่ามากกว่าการพูดยาวถึงหนึ่งชั่วโมง.
    แปลว่า ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงตั้งยามเฝ้าปากของข้าพระองค์ โปรดรักษาประตูริมฝีปากของข้าพระองค์
  2. การให้อภัยคล้ายกับเป็นการปล่อยนักโทษให้เป็นอิสระ แล้วมาพบว่า นักโทษนั้นก็คือ ตัวคุณเอง
    แปลว่า หากท่านให้อภัยผู้ที่กระทำผิดต่อท่าน พระบิดาเจ้าก็จะทรงให้อภัยท่านด้วย แต่หากท่านไม่ให้อภัยผู้อื่น พระบิดาของท่านก็จะไม่ทรงให้อภัยแก่ท่านเช่นกัน
  3. ก้าวแรกที่นำไปสู่ความฉลาดก็คือ ความเงียบ ก้าวที่สอง คือ การรับฟัง
    แปลว่า ทั้งปราชญ์จะได้ยิน และเพิ่มพูนการเรียนรู้ ส่วนคนที่มีความเข้าใจ จะได้มีความช่ำชอง
  4. คนโง่คิดว่าเขารู้ทุกอย่าง หากท่านไปถกเถียงกับเขา ท่านก็ยิ่งโง่ไปกว่าเขาเสียอีก
    แปลว่า หากท่านตักเตือนคนที่โอ้อวด ท่านก็จะได้รับแต่เพียงการดูหมิ่น และความเจ็บปวด
  5. ความร่ำรวยของคนเรา มิได้อยู่ที่ว่าเรามี ทรัพย์สินเงินทองมากมายเพียงใด แต่ขึ้นอยู่กับว่าเราเป็นคนอย่างไร.
    แปลว่า บางคนไม่มีอะไรเลย แต่แสร้งทำเป็นคนร่ำรวย แต่บางคนมีทุกสิ่งทุกอย่าง แต่ก็แสร้งทำเป็นคนจน
  6. ความล้มเหลวมักจะไม่เกิดขึ้น เพราะเขาขาดพรสวรรค์ แต่เพราะเราขาดความเด็ดเดี่ยว.
    แปลว่า อย่าเพิ่งเอือมระอาที่จะช่วยเหลือผู้อื่น ท่านจะได้รับรางวัลเอง เมื่อถึงเวลา
  7. ความอิ่มเอิบใจมิได้หมายความว่า เราได้มาซึ่งสิ่งที่เราต้องการ หากแต่เป็นความพอใจในสิ่งที่เรามีอยู่.
    แปลว่า ข้าพเจ้าไม่ได้บ่นถึงเรื่องความขัดสน ไม่ว่าข้าพเจ้าจะมีฐานะอย่างไรก็ตาม ข้าพเจ้าก็เรียนรู้แล้วที่จะพอใจในสภาพของตน
  8. ความเกียจคร้านและความยากจน เป็นญาติกัน
    แปลว่า หลับนิด เคลิ้มหน่อย กอดมือพักสักนิด แล้วความจนก็จะมาหาถึงเจ้า แล้วทุกอย่างก็จะสูญหายไป
  9. ความเชื่อคือการท้าทายให้จิตวิญญาณ มองไปยังที่ซึ่งตามองไม่เห็น.
    แปลว่า แต่เราดำเนินชีวิตอาศัยความเชื่อ มิได้อาศัยสิ่งที่เรามองเห็น
  10. ความเชื่อเที่ยงแท้ และความกล้าหาญ เปรียบเสมือนว่าว ยิ่งมีลมต้าน มักยิ่งร่อนสูงขึ้น.
    แปลว่า ส่วนผู้ที่รอคอยพระเจ้า จะฟื้นฟูพลังของตนเอง เขาจะมีปีกโผบินดังเช่นนกอินทรีย์ เขาจะวิ่งแต่ก็ไม่เหน็ดเหนื่อย เขาจะเดินแต่ก็ไม่เป็นลม
  11. คำพูดคือหน้าต่าง ที่เปิดให้เห็นหัวใจของท่าน.
    แปลว่า เจ้าเป็นคนชั่วแล้วจะพูดความดีได้อย่างไร เหตุว่าปากนั้นพูดจากสิ่งที่มาจากใจ
  12. จงลืมตัวท่าน เพื่อผู้อื่น แล้วเขาจะไม่ลืมท่าน.
    แปลว่า ดังนั้นสิ่งใดที่ท่านปรารถนา ให้ผู้อื่นกระทำแก่ท่าน ท่านก็จงกระทำสิ่งนั้นแก่เขา เพราะนี่กฎบัญญัติ และคำสอนของบรรดาประกาศก
  13. จงเรียนรู้จากความผิดพลาดของผู้อื่น แทนที่จะทำผิดเสียเองในทุกเรื่อง.
    แปลว่า ทางของคนโง่นั้นถูกต้องในสายตาของเขาเอง แต่ปราชญ์ย่อมฟังคำแนะนำ
  14. ชิวิตคงจะง่ายขึ้นมาก หากคนเรา แสดงความอดทนในครอบครัว ให้เท่ากับเวลาที่เขาไปนั่งตกปลา.
    แปลว่า ท่านที่เป็นสามี ก็จงอยู่กับภรรยาของท่าน ด้วยความเข้าใจซึ่งกันและกัน
  15. บทเรียนจากการมองดูนาฬิกาก็คือ มันทำให้เวลาผ่านไปก็จริง แต่มันขยันทำงานตลอดเวลา.
    แปลว่า การเป็นคนเกียจคร้าน ก็ไม่แตกต่างอะไรกับคนที่ชอบทำลาย
  16. บุคคลที่ยากจนที่สุด ไม่ใช่คนที่ไม่มีเงิน หากแต่เป็นบุคคล ที่ไม่มีความฝัน.
    แปลว่า มนุษย์จะตกยาก หากไร้วิสัยทัศน์
  17. ปัญหาของผู้ที่พูดเร็วเกินไปก็คือ เขามักจะพูดสิ่งที่เขายังคิดไม่ถึง.
    แปลว่า อย่ารีบพูด อย่าให้ใจท่านด่วนกล่าวสิ่งใดต่อพระพักต์พระเป็นเจ้า เหตุว่าพระเป็นเจ้าประทับในสวรรค์และเจ้าอยู่ในโลก ฉะนั้นขอให้เจ้าจงพูดน้อย
  18. ผู้ที่มีสิทธิ์ในความรักน้อยที่สุด คือผู้ที่ต้องการความรักมากที่สุด.
    แปลว่า แต่เราสั่งให้ท่านรักศัตรู และอธิฐานภาวนา ให้ผู้ที่กระทำผิดต่อท่าน
  19. ผู้ที่ไม่ให้อภัย คือผู้ที่ทำลายสะพานที่เขาเองจะต้องข้าม.
    แปลว่า หากท่านให้อภัยความผิด ที่ผู้อื่นกระทำต่อท่าน พระบิดาเจ้าของท่านในสวรรค์ ก็จะทรงให้อภัยแก่ท่านด้วย
  20. พระเจ้าเป็นผู้ทรงสามารถรักษาดวงใจที่สลายได้ แต่พระองค์จำเป็นต้องมีทุกชิ้นส่วนของดวงใจนั้น.
    แปลว่า ลูกรัก จงมอบดวงใจให้แก่เราเถิด
  21. ศิลปะของการเป็นแขกที่ดี คือการรู้ว่าเมื่อไรควรจะกล่าวคำอำลา
    แปลว่า อย่าไปเยี่ยมเพื่อนบ่อยเกินไป เพราะเขาจะรู้สึกเอือมระอา และเริ่มเกลียดชังท่าน
  22. หัวใจมีความสุขมากที่สุด เมื่อมันเต้นเพื่อคนอื่น.
    แปลว่า ไม่มีผู้ใดมีความรักเท่ากับ ผู้ที่ยอมสละชีวิตของตนเองเพื่อผู้อื่น
  23. หากท่านอยากชนะใจเพื่อน จงใช้หูฟังแทนที่จะใช้ปากพูด.
    แปลว่า จงให้ทุกคนไวในการฟัง แต่ช้าในการพูด และช้าในการโกรธ
  24. อย่าปล่อยให้โอกาสของท่านที่จะหุบปาก ผ่านไปได้เป็นอันขาด.
    แปลว่า แม้คนโง่ ก็ถือว่าเป็นคนฉลาด เมื่อเขารู้จักสงบปากสงบคำ ผู้ที่รู้จักปิดปากตัวเอง เขาก็ถือว่าเป็นผู้มีความเข้าใจที่ดี
  25. อารมณ์ร้ายของท่านเปรียบเสมือนไฟใหม้ หากควบคุมไม่ได้ ก็อาจเกิดความเสียหายมากมาย.
    แปลว่า ผู้ที่ควบคุมตัวเองไม่ได้ ก็เหมือนกับเมืองที่ไม่มีกำแพง
  26. อุปนิสัยของคนนั้นมิได้อยู่ที่ว่า บรรพบุรุษได้ทิ้ง มรดกอะไรไว้ให้เขาบ้าง แต่ขึ้นอยู่กับว่าตัวเขาเอง ได้ทิ้งมรดกอะไรไว้ให้ลูกหลานของเขา.
    แปลว่า คนดีจะทิ้งมรดกให้ลูกหลาน แต่ทรัพย์สมบัติของคนบาปนั้น สะสมไว้สำหรับผู้ชอบธรรม
  27. เราจะรู้อุปนิสัยใจคอที่แท้จริงของคนได้ ก็โดยสังเกตุว่าเขาทำอะไร เมื่อไม่มีใครเห็น.
    แปลว่า จงทำให้นายพอใจเสมอ มิใช่เวลาที่ท่านคิดว่านายกำลังมองอยู่ ท่าน คือ ทาสของพระคริสตเจ้า ดังนั้นท่านจงกระทำสิ่งที่พระเป็นเจ้า ทรงปรารถนาจากท่าน ด้วยความเต็มใจ
  28. เราดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยสิ่งที่เราได้รับ แต่เรากลับเป็นผู้มอบชีวิต เมื่อเราเป็นผู้ให้
    แปลว่า ข้าพเจ้าได้ให้ตัวอย่างแก่ท่านแล้วในทุกสิ่ง ให้ท่านเห็นว่าการกระทำดังนี้ ท่านจะสามารถช่วยผู้ที่อ่อนแอ ท่านจงรำลึกถึงพระวาจาของพระเยซูเจ้าที่ตรัสว่า การให้ย่อมได้บุญมากกว่าการรับ
  29. โชคดี คือข้อแก้ตัวที่ผู้แพ้มอบให้กับผู้ชนะ.
    แปลว่า วิญญาณของคนเกียจคร้านมีแต่ความอยาก แต่เขาจะไม่ได้อะไรเลย ฝ่ายวิญญาณของคนขยัน จะอ้วนพี
  30. ใครร่วมวงนินทากับท่าน ผู้นั้นก็จะนำเอาเรื่องของท่านไปนินทาต่อ.
    แปลว่า บุคคลที่เที่ยวซุบซิบมักเผยความลับ แต่บุคคลที่ไว้วางใจได้ ย่อมสามารถปิดบังทุกสิ่งไว้ได้

คิดว่าน่าจะเต็มอิ่มกับปรัชญาจากพระคัมภีร์ไบเบิลทั้ง 30 คำกันไปแล้วเนอะ หวังว่าน่าจะพอมีประโยชน์ให้นำไปใช้ต่อในชีวิตประจำวันกัน

หากยังไม่เจอคำไหน หรือคิดว่ามีตกหล่นไป สามารถแจ้งแนะนำกันเข้ามาได้เลย


รวมปรัชญาจากพระคัมภีร์ไบเบิล ที่นิยมใช้ ใช้งานบ่อย ในชีวิตประจำวัน

 ปรัชญาจากพระคัมภีร์ไบเบิลยอดนิยม