ตัวกรองผลการค้นหา
ปลงกรรมฐาน
หมายถึงพิจารณาร่างกายให้ตกลงในไตรลักษณ์ คือให้เห็นว่าทุกสิ่งทุกอย่างบรรดามีในโลกล้วนเป็นอนิจจัง คือไม่เที่ยงแท้แน่นอน เป็นทุกข์ คือต้องลำบากทั้งกายและใจ เป็นอนัตตา คือไม่ใช่ตัวตนเราเขา.
แป้แจ้
หมายถึงสิ่งของที่เล็กและแบน ติดอยู่ตามแผ่นกระดานเรียก แป้แจ้ ถ้าขนาดใหญ่เรียก เป้อเจ้อ.
ไป
หมายถึงเคลื่อนไป เดินไป อย่างว่า ให้แต่งช้างม้ามิ่งพลแพน ญิงชายในนครขวางป่าวปุนไปพร้อม คนการใช้พอแสนคาดเครื่อง แผ้วแผ่นเท้าทางกว้างฮาบงาม (สังข์).
วัปปะ
หมายถึงการหว่านพืช (ป.).
วิปัสสนากรรมฐาน
หมายถึงอุบายเรืองปัญญาเมื่อเจริญสมถกรรมฐานแล้ว กิเลส ๓ จะลดน้อยถอยลง แต่ก็ไม่หมดสิ้นไปจากใจ ต้องเจริญวิปัสสนากรรมฐานต่ออีก คือ ยกขันธ์ ๕ อายตนะ ๑๒ ธาตุ ๑๘ อินทรีย์ ๒๒ อริยสัจ ๔ ปฎิจจสมุปบาท ๑๒ ขึ้นมาพิจารณาอีก จนให้เห็นขันธ์ ๕ เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เกิดนิพพิทาความเบื่อหน่าย วิราคะหายความกำหนัด วิมุตติความหลุดพ้น วิสุทธิความหมดจดกายและจิต ถึงที่สุดแห่งทุกข์ คือ พระนิพพาน กิเลส ๓ คือ ราคะ โทสะ และโมหะไม่เกิดอีก.
ฮักปานแตงแพงปานตา
หมายถึงรักมาก หวงมาก สำนวนนี้มีความหมายใกล้เคียงกับสำนวนไทยที่ว่า ยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม หรือ แก้วตาดวงใจ ถ้าแปลตรงตัวจะแปลได้ว่า รักเหมือนแตง หวงแหนเหมือนดวงตา
ขึงปีก
หมายถึงกางปีก
ปลาแดกบอง
หมายถึงปลาร้าทรงเครื่อง, ปลาร้าบอง เป็นการนำปลาร้ามาปรุงรสด้วยพริกป่น, ข่าสับ, ใบมะกรูดซอย, ตะไคร้ซอย บางท้องที่ใส่มะเขือเทศด้วย
กปณ|กปณา
หมายถึงกำพร้า,อนาถา,ไร้ญาติ,ยากไร้ (ป.).
กรรมปฏิสรณะ
หมายถึงมีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัยที่พึ่งแยกออกได้เป็น ๒ อย่าง คือตนและผู้อื่น พึ่งตนดีกว่าพึ่งผู้อื่น กรรมดีหรือกรรมชั่วที่เราทำไว้จะเป็นที่พึ่งของเรา.
กรรโมปกรณ์
หมายถึงเครื่องอุปกรณ์แห่งการงาน.
แป่นแว่น
หมายถึงลักษณะหน้าตาที่สดใส หน้าตาเบิกบานสดชื่น เรียก หน้าแป่นแว่น ถ้าเป็นแก้มก็แก้มแป่นแว่น อย่างว่า เหลียวเห็นหน้าขาวมาแป่นแว่น พออยากแก้ซิ่นแล่นลัดต้อนหัวดอน (บ.)