หลักการเติม ed หลังคำกริยา สำหรับ Regular Verbs ในคำกริยาช่อง 2 และช่อง 3 จากวันก่อนที่ได้อธิบายเรื่อง กริยา 3 ช่อง และเห็นประเภทของคำกริยา 3 ช่องไปแล้ว นั่นคือมี Regular Verbs (กริยาผันปกติ - เติม ed) และ Irregular Verbs (กริยาผันไม่ปกติ) เดี๋ยววันนี้เราจะมาดูหลักการเติม ed ใน irregular verbs กัน และนี่สำคัญเพราะออกข้อสอบกันอยู่เรื่อยๆ จ้า
กริยา 3 ช่อง Irregular Verb สรุป Irregular Verbs ที่ใช้บ่อยที่สุดในภาษาอังกฤษ และวิธีที่ง่ายที่สุดในการเรียนรู้ตาราง Irregular Verbs ที่ใช้งานบ่อย 100 คำกริยา
ตารางกริยา 3 ช่อง ที่ใช้บ่อย ตารางกริยา 3 ช่อง ที่ใช้บ่อย ช่องที่ 1 Infinitive ช่องที่ 2 Past ช่องที่ 3 Past participle คำแปล awake awoke awoken ตื่น, be was, were been เป็น,อยู่,คือ
กริยา 3 ช่อง ทั้งหมด พร้อมคำอ่าน คำกริยาในภาษาอังกฤษ จะต้องเปลี่ยนรูปของคำเพื่อบอกว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาใด จึงเป็นที่มาของคำว่า กริยา 3 ช่อง แยกเป็น ช่อง 1 ช่อง 2 และช่อง 3
กริยา 3 ช่อง Regular Verb สรุป Regular Verbs ที่ใช้บ่อยที่สุดในภาษาอังกฤษ และวิธีที่ง่ายที่สุดในการเรียนรู้ตาราง Regular Verbs ที่ใช้งานบ่อย 100 คำกริยา พร้อมคำแปล
กริยาช่อง 2 (Verb 2) ที่ใช้บ่อยพร้อมความหมาย กริยาช่อง 2 หรือ Verb 2 คือ คำกริยาที่แสดงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต ซึ่งส่วนใหญ่ Verb จำพวกนี้จะลงท้ายด้วย –ed ค่ะ โดยหลักการเติม –ed
กริยา 3 ช่อง รวมหมวด A-Z (ต่อ 3) หลักการจำ กริยา 3 ช่อง ง่ายมาก เพียงแค่ให้นึกถึง สูตรคูณคณิตศาสตร์ก็สามารถท่องได้ เพราะหลักของ กริยา 3 ช่อง ส่วนใหญ่ออกเสียงคล้ายกัน เพียงแค่เปลี่ยนนิดหน่อย ตามแต่ Tense นั้นๆ ที่ใช้ หลังจากเรียนคำกริยา 3 ช่องแล้ว เราก็ควรไปเรียนเรื่อง Tense ต่อ จะได้เข้าใจและใช้งานได้ถูกต้อง
คำราชาศัพท์ หมวดกริยา คำราชาศัพท์ หมวดกริยา ประกอบไปด้วย ชำระพระหัตถ์ ความหมาย ล้างมือ; ตรัส ความหมาย พูดด้วย; ถวายบังคม ความหมาย ไหว้; ทรงถาม, ตรัสถาม ความหมาย ถาม
หลักเกณฑ์การทับศัพท์ภาษาอังกฤษ การทับศัพท์ คือ การถอดอักษรในภาษาเดิม และเขียนให้อยู่ในรูปภาษาไทยที่อ่านได้สะดวกและเข้าใจ ซึ่งจะมีข้อยกเว้นตามหลักเกณฑ์การทับศัพท์ได้
กริยา 3 ช่อง a-z พร้อมคำแปล (ไฟล์ pdf) หลายคนถามหาที่รวมคำกริยา 3 ช่อง แบบเป็นไฟล์ pdf และต้องการให้เรียงตามตัวอักษร A-Z ให้ด้วย เราจึงได้รวบรวม กริยา 3 ช่อง a-z พร้อมคำแปล (ไฟล์ pdf) มาให้แล้ว
เปลี่ยนคำเอกพจน์เป็นคำพหูพจน์ในภาษาอังกฤษ หลายคนคงเคยได้ยินกฏหรือหลักการการเปลี่ยนคำนามเอกพจน์เป็นคำนามพหูพจน์กันมาบ้างแล้ว ถ้ายังจำได้มีข้อง่ายคือตาม s ตามหลังเลย แต่หากเป็นสละก็ให้เติม es หรือต้องเปลี่ยน y เป็น i แล้วเติม es อะไรทำนองนี้ ยากใช่มั้ยหล่ะ