ค้นเจอ 59 รายการ

ฮ็องฮ็อง

หมายถึงสุกใส แวววาว แสงแวววาวสุกใสแต่ไม่ใหญ่โต เรียก ใสฮ็องฮ็องเหลื้อมฮ็องฮ็อง ม็องม็อง ก็ว่า เช่น แสงดาว เป็นต้น อย่างว่า ตัวหนึ่งท้าวกว่าเลี้ยงแต่น้อยเฮียกล่วงลมผัน ฮองฮองเฮืองแค่มคำงามล้วน ธรรม์ยำท้าวกลอยแลหลิงล่ำ นายกล่าวถ้วนถวายแล้วซู่ประการ (ฮุ่ง).

กระกูล

หมายถึงตระกูล, เชื้อ, สาย, เหล่า, กอ, เผ่าพันธุ์เรียก กระกูล สกุล ตระกูล ก็ว่า อย่างว่า พระยานาคน้าวกลอนถี่ถามดู กุมารมาแต่ใดเถิงข้อย นั่นเด จักว่าเป็นแนวเชื้อกะกูลนามในทีปใดเด เจ้าพ่อทรงเดชได้เดินดั้นฮอดเฮา นี้นา (สังข์) .

กระจอก

หมายถึงชื่อนกตัวเล็กๆ ชนิดหนึ่ง ชอบทำรังตามหลังคาเรือน เรียก นกกระจอก ก็ว่า อย่างว่า อุมลัวฮุ้งกาในแกกะออก จอกก่างกี้เจียผ้ายกะแดบดิน (สังข์). เศษ, เหลือ สิ่งของที่เหลือใช้เล็กๆ น้อยๆ เรียก กระจอก หรือ คนที่มีฐานะต่ำเรียก คนกระจอก. เขยก (ข. ขจอก) เรียก ม้าขาเขยก ว่า ม้ากระจอก.

กรรณิการ์

หมายถึงชื่อไม้ยืนต้นชนิดหนึ่งกลีบขาว ดอกหอม ใบคาย ก้านดอกสีแสด ใช้ย้อมผ้าก็ได้ ใช้ประดับก็ได้ เรียก กรรณิการ์ กรณิการ์ กณิการ์ ก็ว่า อย่างว่า กณิการ์เกียงดอกดวงดูล้น ภูชัยท้าวเดินเดียวชมดอก คือดั่งดอกกลิ่นแก้มเมียแก้วอยู่เฮือน (กา).

เฮียงฮ่วม

หมายถึงร่วมเรียง อย่างว่า เชิญหม่อมมาเสวยเข้าสาลีเฮียงฮ่วม พี่ก็ตั้งแต่งถ้าถนอมไว้แต่นาน แล้วเด เอื้อยนี้แนวนามเชื้อฉันเดียวโดยชาติ เชิญหม่อมมาจอดยั้งยาย้านเกลียดกลัว พี่ถ้อน (สังข์) เมื่อนั้นทุกที่ให้โฮมฮอดหมอโหร เขาก็ยอกระดานหินวาดดูกงแก้ว ชาตาได้อัครราศีเฮียงฮ่วม ราหูผาดผ้ายผันใกล้ฮ่วมจันทร (ฮุ่ง).

ขีน

หมายถึงไม่ชอบหน้า, ไม่พอใจ, ไม่ชอบ ขืน, ฝืน อย่างว่า ว่าเล่าทำเปืองปุ้นสมคามคลาที่ ดั่งนั้น ลุลาภพร้อมใจป้าห่อนขีนเมื่อใด (ฮุ่ง). ขัด อย่างว่า เมื่อนั้นสองแม่ป้าโลมลูกเอาใจ ก็บ่ขีนกุมารมอบศรศิลป์แก้ว บาก็ยินดีแท้ธรงศรขัดดาบ สองแม่ป้าเฮียงข้างลูบเลิง (สังข์). ขัดขืน อย่างว่า นางก็โจมแจ่มเจ้าองค์อ่อนยอมใจ ก่อนเถิ้น อาบ่มีขีนขืฃัดซิค่อยเติมตามน้อย (สังข์).

กรอย

หมายถึงก้น เรียกกรอย เช่นกองก้นกองกรอยกอยก็ว่าอย่างว่าแม่อี่น้อยต่ำหูกกะหลับเอากะหลับแขวนคอให้น้อง น้องบ่เหล่นกองก้นกองกอยไฟไหม้หมอนอี่นายกับแก้กับแก้ฮองปลายไม้โอดโอสาวนางโพขี่ม้าเดบเด้งเอาม้ากูมาเฮ็ดนาหนองไพ่แข้ขึ้นไข่แมงดาขึ้นฟักไก่ขาหักตักขึ้นตักลง(กล่อมลูก)

วิปัสสนากรรมฐาน

หมายถึงอุบายเรืองปัญญาเมื่อเจริญสมถกรรมฐานแล้ว กิเลส ๓ จะลดน้อยถอยลง แต่ก็ไม่หมดสิ้นไปจากใจ ต้องเจริญวิปัสสนากรรมฐานต่ออีก คือ ยกขันธ์ ๕ อายตนะ ๑๒ ธาตุ ๑๘ อินทรีย์ ๒๒ อริยสัจ ๔ ปฎิจจสมุปบาท ๑๒ ขึ้นมาพิจารณาอีก จนให้เห็นขันธ์ ๕ เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เกิดนิพพิทาความเบื่อหน่าย วิราคะหายความกำหนัด วิมุตติความหลุดพ้น วิสุทธิความหมดจดกายและจิต ถึงที่สุดแห่งทุกข์ คือ พระนิพพาน กิเลส ๓ คือ ราคะ โทสะ และโมหะไม่เกิดอีก.

แส่ว

หมายถึง1. โฉบ เฉี่ยว เช่น ให้เจ้าเอายาวไว้คือกาคาบเอี่ยน อย่าได้เฮ็ดอ้อมป้อมคือฮุ้งแส่วหนู (ผญา) 2. เย็บ ปัก ถัก ร้อย เช่น ดูสะอาดล้ำหลิ้งแส่วไหมคำ แคงคานคุมเครื่องเหลืองสมเสื้อ ลำลำง้อมงามเฉลียวปุนแต่ง ฝูงนี้ลอนเลือกชั้นแฝงเนื้อพี่ไป ว่าเนอ (ฮุ่ง) คำที่ใกล้เคียง : แส่วหนี

ไข

หมายถึง-มันข้นในร่างกายคนและสัตว์เรียก ไขมัน. -ชื่อขมิ้นชนิดหนึ่ง เรียก เข้าหมิ้นไข. -(ก.)บอก กล่าว การบอกกล่าวให้รู้ เรียก ไขข่าว อย่างว่า แสนสัตว์น้อมโดยคดีไขข่าว พระก็ทรงพากย์ถ้อยเสียงเอิ้นแอ่วหา (สังข์). -(ก.)เปิด การเปิดประตูเรียก ไขปักตู ไขทวาร ก็เรียก อย่างว่า นางก็คึดฮ่ำฮู้คำปากเค็มแข็ง นางจิ่งไขทวารเผยส่องแลเล็งหน้า เห็นกษัตริย์เจ้านงเยาว์ยังอ่อน ดูเพศหน้าเหมือนเชื้อลูกหลาน (สังข์).

แฮกเสี่ยว

หมายถึงผูกมิตร การผูกมิตร เรียก แฮกเสี่ยว คำว่า เสี่ยว ได้แก่ มิตร สหาย เพื่อน หรือ เกลอ การผูกเสี่ยวจะทำเป็นพิธีเสียเหล้าไหไก่ตัวเพื่อเลี้ยงดูกัน หรือคนสองคนเมื่อสมัครรักใคร่กันแล้วผูกข้อต่อแขนด้วยด้ายเพียงสองเส้นก็ได้ ผู้หญิงจะเป็นเสี่ยวกับผู้ชาย หรือผู้ชายจะเป็นเสี่ยวกับผู้หญิงก็ได้ ขออย่างเดียวขอให้รักสมัครสมานประสานสามัคคีกันไปจนตลอดชีวิต การผูกเสี่ยวเป็นประเพณีที่ชาวอีสานนับถือมาแต่ดึกดำบรรพ์ ผ๔้เป็นเจ้าของประเพณีนี้ก็คือบรรพบุรุษอีสาน ถือว่าท่านฉลาดและหลักแหลมนัก ถ้าโลกทั้งโลกเป็นมิตรสหายกัน เรื่องฆ่าตีบีฑ์โบยลักเล็กขโมยน้อย หรือเรื่องวิวาทบาดหมางแย่งอำนาจวาสนากันคงไม่เกิดขึ้นแน่ ถ้าคนในโลกนี้เกี่ยวข้องกันในการเป็นมิตรสหายกัน.

 ภาษาอีสาน จัดกลุ่มตามตัวอักษร ก-ฮ