พุทธสุภาษิตในเวลาที่ควรลุกขึ้นทำงาน ไม่ลุกขึ้นทำ ทั้งที่ยังหนุ่มแน่น มีกำลัง กลับเฉื่อยชา ปล่อยความคิดให้จมปลัก เกียจคร้าน มัวซึมเซาอยู่ ย่อมไม่ประสบทางแห่งปัญญาในเวลาที่ควรลุกขึ้นทำงาน ไม่ลุกขึ้นทำ ทั้งที่ยังหนุ่มแน่น มีกำลัง กลับเฉื่อยชา ปล่อยความคิดให้จมปลัก เกียจคร้าน มัวซึมเซาอยู่ ย่อมไม่ประสบทางแห่งปัญญาหมวดปัญญา ภาพประกอบ ในเวลาที่ควรลุกขึ้นทำงาน ไม่ลุกขึ้นทำ ทั้งที่ยังหนุ่มแน่น มีกำลัง กลับเฉื่อยชา ปล่อยความคิดให้จมปลัก เกียจคร้าน มัวซึมเซาอยู่ ย่อมไม่ประสบทางแห่งปัญญา พุทธสุภาษิตที่คล้ายกันคนทอดทิ้งกิจที่ควรทำ ไปทำกิจที่ไม่ควรทำ เมื่อเขาถือตัวมัวประมาท อาสวะย่อมเจริญควรทำตามถ้อยคำของผู้เอ็นดูถ้าจะทำ ก็ควรทำให้จริงทำงานไม่คั่งค้าง เป็นอุดมมงคลทุกคนควรทำหน้าที่ของตนและไม่ควรประมาทพูดอย่างใด ควรทำอย่างนั้นสิ่งที่ทำแล้ว ทำคืนไม่ได้ใคร่ครวญก่อนแล้วจึงทำ ประเสริฐกว่าในกาลไหน ๆ เวรในโลกนี้ย่อมระงับด้วยเวรไม่ได้เลยในกาลไหนๆ ก็ไม่ควรกล่าววาจาไม่น่าพอใจในหมู่มนุษย์ ผู้ฝึกตนแล้วเป็นผู้ประเสริฐสุดในเวลาคับขัน ย่อมต้องการคนกล้าแชร์บทความนี้ แชร์ กลับไปที่ "พุทธสุภาษิต"ก่อนหน้าคนโง่ถึงมียศ ก็กลายเป็นทาสของคนมีปัญญา เมื่อมีเรื่องราวต่าง ๆ เกิดขึ้น บัณฑิตจัดการเรื่องใดอันเป็นเรื่องละเอียดก่อน คนโง่ย่อมถึงความหลงใหลในเรื่องนั้นถัดไปเมื่อน้ำใส กระจ่างแจ๋ว ย่อมมองเห็นหอยกาบ หอยโข่ง กรวด ทราย และ ฝูงปลาได้ ฉันใด เมื่อจิตไม่ขุ่นมัว ย่อมมองเห็นประโยชน์ตน ประโยชน์ผู้อื่น ฉันนั้น
ในเวลาที่ควรลุกขึ้นทำงาน ไม่ลุกขึ้นทำ ทั้งที่ยังหนุ่มแน่น มีกำลัง กลับเฉื่อยชา ปล่อยความคิดให้จมปลัก เกียจคร้าน มัวซึมเซาอยู่ ย่อมไม่ประสบทางแห่งปัญญาหมวดปัญญา
คนอกตัญญูค่อยจับผิดอยู่เป็นนิตย์ ขะทำให้เขาพอใจไม่ได้ ถึงจะให้แผ่นดินทั้งหมดแก่เขา ผู้มีปกติมองหาโทษอยู่เสมอ ก็จะทำให้เขาพอใจไม่ได้ หมายถึง
คำสัตย์แลเป็นวาจาไม่ตาย นั่นเป็นธรรมเก่า สัตบุรุษ ทั้งหลายเป็นผู้ตั้งมั่นในคำสัตย์ที่เป็นอรรถ และเป็นธรรม หมายถึง