คำสมาส เป็นคำที่เกิดจากการรวมคำสองคำซึ่งต่างก็เป็นคำบาลีหรือสันสกฤตเข้าเป็นคำเดียวกัน โดยการนำมาเรียงต่อกัน ไม่ได้มีการดัดแปลงรูปอักษร มีการออกเสียง อะ อิ อุ ระหว่างคำ เช่น ประวัติ+ศาสตร์ → ประวัติศาสตร์, ฆาต+กรรม → ฆาตกรรม เป็นต้น
สมาสชน สนธิเชื่อม
ลักษณะเฉพาะของคำสมาส โดยย่อ
คำมูลที่นำมารวมกันนั้นต้องเป็นคำที่มาจากภาษาบาลีหรือสันสกฤตเท่านั้น
ก่อนรวมเป็นคำสมาสคำหน้าสามารถประวิสรรชนีย์หรือมีตัวการันต์ได้ แต่เมื่อรวมเป็นคำสมาสแล้วต้องตัดทิ้ง เช่น แพทย์ + ศาสตร์ = แพทยศาสตร์ พละ + ศึกษา = พลศึกษา
มีการอ่านสระท้ายของคำหน้า เช่น ประวัติ+ศาสตร์=ประวัติศาสตร์ (ประ-หวัด-ติ-สาด) แต่ก็มียกเว้นเช่น สุพรรณบุรี
การแปลต้องแปลจากหลังมาหน้า (คำตั้งอยู่หลังคำขยายอยู่หน้า) เช่น ราชการ การ เป็นคำตั้ง ราช ขยายการ = งานของพระเจ้าแผ่นดิน อุบัติเหตุ เหตุ เป็นคำตั้ง อุบัติ ขยายเหตุ = เหตุการณ์ที่กิดโดยไม่คาดคิด แต่ก็มีคำสมาสบางคำที่แปลจากหลังไปหน้า และหน้าไปหลังได้ถ้ามีความหมายเหมือนกัน ก็ถือเป็นคำสมาส เช่น บุตร + ธิดา = บุตรธิดา ไม่ว่าจะแปลจากหลังไปหน้าหรือหน้าไปหลัง ก็แปลว่า ลูก เหมือนกัน
คำที่ขึ้นต้นด้วย “พระ” แล้วคำหลังเป็นภาษาบาลีหรือสันสกฤตถือว่าเป็นคำสมาส เช่น พระอาทิตย์ พระองค์ พระเจ้า ไม่ใช่คำสมาสเพราะ เจ้า เป็นคำไทยแท้
ลักษณะของคำสมาส โดยละเอียด
- เป็นคำที่มาจากภาษาบาลี – สันสกฤตเท่านั้น คำที่มาจากภาษาอื่น ๆ นำมาประสมกันไม่นับเป็นคำสมาส
ตัวอย่าง
– บาลี + บาลี เช่น อัคคีภัย วาตภัย โจรภัย อริยสัจ ขัตติยมานะ
– สันสกฤต + สันสกฤต เช่น แพทยศาสตร์ วีรบุรุษ วีรสตรี สังคมวิทยา
– บาลี + สันสกฤต, สันสกฤต + บาลี เช่น หัตถศึกษา นาฎศิลป์ สัจธรรม - คำที่รวมกันแล้วไม่เปลี่ยนแปลงรูปคำแต่อย่างใด
ตัวอย่าง วัฒน + ธรรม = วัฒนธรรม
สาร + คดี = สารคดี
พิพิธ + ภัณฑ์ = พิพิธภัณฑ์
กาฬ + ปักษ์ = กาฬปักษ์
ทิพย + เนตร = ทิพยเนตร
โลก + บาล = โลกบาล
เสรี + ภาพ = เสรีภาพ
สังฆ + นายก = สังฆนายก - คำสมาสเมื่อออกเสียงต้องต่อเนื่องกัน เช่น
ภูมิศาสตร์ อ่านว่า พู-มิ-สาด
เกียรติประวัติ อ่านว่า เกียด-ติ-ประ-หวัด
เศรษฐการ อ่านว่า เสด-ถะ-กาน
รัฐมนตรี อ่านว่า รัด-ถะ-มน-ตรี - คำที่นำมาสมาสกันแล้วความหมายหลักอยู่ที่คำหลังส่วนความรองจะอยู่ข้างหน้า เช่น
ยุทธ (รบ)+ภูมิ (แผ่นดิน สนาม) = ยุทธภูมิ (สนามรบ)
หัตถ (มือ) + กรรม (การงาน) = หัตถกรรม (งานฝีมือ)
คุรุ (ครู) + ศาสตร์ (วิชา) = คุรุศาสตร์ (วิชาครู)
สุนทร (งาม ไพเราะ) + พจน์ (คำกล่าว) = สุนทรพจน์ (คำกล่าวที่ไพเราะ) - คำสมาสบางคำเรียงลำดับคำอย่างไทย คือ เรียงต้นศัพท์ไว้หน้า ศัพท์ประกอบไว้หลัง การเขียนคำสมาสเหล่านี้ไม่ประวิสรรชนีย์ระหว่างคำ แต่เมื่ออ่านจะออกเสียงสระต่อเนื่องกัน เช่น
บุตรภรรยา (บุด-ตระ-พัน-ระ-ยา) = บุตรและภรรยา - คำสมาสส่วนมากออกเสียงสระตรงพยางค์ท้ายของคำหน้า
เช่น กาลสมัย ( กาน – ละ – สะ – ไหม ) - คำบาลีสันสกฤตที่มีคำว่า “พระ” ที่แผลงมาจาก “วร” ประกอบข้างหน้าจัดเป็นคำสมาสด้วย เช่น พระโอรส พระอรหันต์
- คำสมาสบางพวกจะมีลักษณะรูปคำรูปหนึ่งคล้ายกัน เช่น
– คำที่ลงท้ายด้วยศาสตร์ เช่น นิติศาสตร์ อักษรศาสตร์
– คำที่ลงท้ายด้วยภัย เช่น อุทกภัย วาตภัย อัคคีภัย
– คำที่ลงท้ายด้วยกรรม เช่น นิติกรรม นวัตกรรม กสิกรรม
ค้นหาคำสมาส
รวมหมวดหมู่คำสมาส
รวมคำสมาส 100 คำ
รวมคำสมาส 200 คำ
148456 views