พุทธสุภาษิต

พุทธสุภาษิต หมวด ม

พุทธสุภาษิต หมวด ม ตามที่เคยรู้จัก พุทธสุภาษิต มีอยู่หลายคำ จะมีคำไหนที่เรารู้จักไหมนะ

รวมพุทธสุภาษิต หมวด ม

พุทธสุภาษิต หมวด ม ตามที่เคยรู้จัก พุทธสุภาษิต มีอยู่หลายคำ จะมีคำไหนที่เรารู้จักไหมนะ

  1. มนต์มีการไม่ท่องบ่น เป็นมลทิน
  2. มฤตยู พยาธิ ชรา ทั้งสามนี้ดุจไฟลามลุกไหม้
  3. มหาราช ธรรมเป็นทาง (ควรดำเนินตาม) ส่วนอธรรม นอกลู่นอกทาง (ไม่ควรดำเนินตาม) อธรรมนำไปนรก ธรรมให้ถึงสุคติ
  4. มัวพะวงอยู่ว่า นี่ของเราชอบ นี่ของเรารัก แล้วปล่อยปละละเลยตนเองเสีย คนอย่างนี้จะไม่ได้ประสบสิ่งที่ชอบสิ่งที่รักเลย
  5. มัวรำพึงถึงความหลัง ก็มีแต่จะหดหาย มัวหวังวันข้างหน้า ก็มีแต่จะละลาย อันใดยังไม่มาถึง อันนั้นก็ยังไม่มี รู้อย่างนี้แล้ว เมื่อมีฉันทะเกิดขึ้น คนฉลาดที่ไหนจะปล่อยให้หายไปเปล่า
  6. มัวเศร้าโศกอยู่ก็ซูบผอมลง อาหารก็ไม่อยากรับประทาน ศัตรูก็พลอยดึใจ ในเมื่อเขาถูกลูกศรแห่งความโศกเสียบแทงย่ำแย่อยู่
  7. มารค้นหาอยู่ ย่อมไม่พบช่องทางของท่านผู้มีศีลสมบูรณ์ ผู้อยู่ด้วยความไม่ประมาท หลุดพ้นแล้ว เพราะความรู้ชอบของท่าน
  8. มารดา บิดา ท่านว่าเป็นพรหมของบุตร
  9. มารดาบิดา ท่านว่าเป็นพรหม เป็นบูรพาจารย์ เป็นที่นับถือของบุตร และเป็นผู้อนุเคราะห์บุตร
  10. มารดาบิดา ท่านเรียกว่าเป็นบูรพาจารย์ (ครูคนแรกของบุตร)
  11. มารดาบิดา ท่านเรียกว่าเป็นพรหม
  12. มารดาบิดา เป็นอาหุไนยบุคคลของบุตร
  13. มารดาบิดาท่านว่าเป็นบูรพาจารย์ (ของบุตร)
  14. มารดาบิดาเป็นที่นับถือของบุตร
  15. มารดาเป็นมิตรในเรือนตน
  16. มิตร เมื่อระลึกถึงธรรมแล้ว ไม่ยอมทอดทิ้งมิตร ในยามมีทุกข์ภัยถึงชีวิต ข้อนี้เป็นธรรมของสัตบุรุษโดยแท้
  17. มิตรชั่วไม่ควรคบ
  18. มิใช่การประพฤติตนเป็นชีเปลือย มิใช่การเกล้าผมทรงชฎา มิใช่การบำเพ็ญตบะ นอนในโคลนตม มิใช้การอดอาหาร มิใช่การนอนกับดิน มิใช่การเอาฝุ่นทาตัว มิใช่การตั้งท่านั่งดอก ที่จะทำคนให้บริสุทธิ์ได้ ในเมื่อความสงสัยยังไม่สิ้น
  19. มีชีวิตอยู่ด้วยปัญญา ปราชญ์กล่าวว่าประเสริฐสุด
  20. มีชีวิตอยู่อย่างไม่ถูกต้อง หาประเสริฐไม่
  21. มีญาติพวกพ้องมาก ย่อมเป็นการดี เช่นเดียวกับต้นไม้ในป่าที่มีจำนวนมาก ต้นไม้ที่ขึ้นอยู่โดดเดี่ยว ถึงจะงอกงามใหญ่โตสักเท่าใด ลมก็พัดให้โค่นลงได้
  22. มีญาติมาก ๆ ยังประโยชน์ให้สำเร็จ
  23. มีบางคนในโลกที่ยับยั้งการกระทำด้วยความละอาย
  24. มีมิตรเลวมีเพื่อนเลว ย่อมมีมารยาทเลวและที่เที่ยวเลว
  25. มีศัตรูเป็นบัณฑิต ดีกว่ามีมิตรเป็นคนพาล
  26. มุนีเหล่าใด เป็นผู้ไม่เบียดเบียน สำรวมทางกายเป็นนิตย์ มุนีเหล่านั้น ย่อมไปสู่สถานไม่จุติ ที่ไปแล้วไม่ต้องเศร้าโศก
  27. เมตตา เป็นเครื่องค้ำจุนโลก
  28. เมตตา เป็นเครื่องค้ำจุนโลก (กรมพระยาวชิรญาณวโรรส)
  29. เมื่อก่อนประมาท ภายหลังไม่ประมาท เขาชื่อว่ายังโลกนี้ให้สว่าง เหมือนพระจันทร์พ้นจากเมฆหมอกฉะนั้น
  30. เมื่อขาดปัญญา ถึงจะมีทรัพย์ ก็เป็นอยู่ไม่ได้
  31. เมื่อคนจะตาย ยังแถมประกอบด้วยทุกข์อีก
  32. เมื่อคนตายแล้วสมบัติสักนิดก็ไม่ติดไป
  33. เมื่อคนโง่มีปัญญาทราม ทำกรรมชั่วอยู่ก็ไม่รู้สึก เขาเดือดร้อนเพราะกรรมของตน เหมือนถูกไฟไหม้
  34. เมื่อคบคนดีกว่าตน ตนเองก็ดีขึ้นมาทันที
  35. เมื่อคบคนที่ดีกว่า ตัวเองก็ดีขึ้นมาฉับพลัน
  36. เมื่อคบหาคนพาล ย่อมมีแต่ความฉิบหาย
  37. เมื่อความตายมาถึงตัว ก็ไม่มีใครป้องกันได้
  38. เมื่อความต้องการเกิดขึ้น สหายเป็นผู้นำสุขมาให้
  39. เมื่อความบากบั่นมีอยู่ บัณฑิตพึงเว้นบาปในโลกนี้เสีย เหมือนคนมีจักษุ เว้นเดินทางอันไม่สะดวกเรียบร้อย
  40. เมื่อคอยระวังอยู่ เวรย่อมไม่ก่อขึ้น
  41. เมื่อจิตเลื่อมใสแล้ว ทักขิณาทานชื่อว่าน้อย ย่อมไม่มี
  42. เมื่อจิตเศร้าหมอง มีหวังไปทุคติ
  43. เมื่อจิตเศร้าหมองแล้ว ทุคติเป็นอันต้องหวัง
  44. เมื่อจิตไม่เศร้าหมอง มีหวังไปสุคติ
  45. เมื่อจิตไม่เศร้าหมองแล้ว สุคติเป็นอันหวังได้
  46. เมื่อตาย ทรัพย์สักนิดเดียวจะติดตัวไปก็ไม่มี
  47. เมื่อต้องการความสุข ไม่พึงสิ้นความหวัง
  48. เมื่อถูกพญามัจจุราชครอบงำ ไม่ว่าบุตร ไม่ว่าบิดา ไม่ว่าญาติพวกพ้อง มีไว้ก็ช่วยต้านทานไม่ได้ จะหาที่ปกป้องในหมู่ญาติ เป็นอันไม่มี
  49. เมื่อทำหน้าที่ของลูกผู้ชายแล้ว จังไม่ต้องเดือนร้อนใจในภายหลัง
  50. เมื่อน้ำใส กระจ่างแจ๋ว ย่อมมองเห็นหอยกาบ หอยโข่ง กรวด ทราย และ ฝูงปลาได้ ฉันใด เมื่อจิตไม่ขุ่นมัว ย่อมมองเห็นประโยชน์ตน ประโยชน์ผู้อื่น ฉันนั้น
  51. เมื่อผู้ครองแผ่นดินประมาท โภคทรัพย์ในรัฐทั้งหมดย่อมพินาศ นี่แลเรียกว่าทุกข์ภัยของผู้ครองแผ่นดิน
  52. เมื่อผู้อื่นทำความดีให้ ทำประโยชน์ให้ก่อน แต่เราไม่สำนึกบุญคุณ เมื่อมีกิจเกิดขึ้นภายหลัง จะหาผู้ช่วยทำไม่ได้
  53. เมื่อฝูงโคว่ายข้ามฟากอยู่ ถ้านำฝูงไปคด โคทั้งหมดก็ว่ายคดไปตาม ฉันใด ในหมู่มนุษย์ก็ฉันนั้น ผู้ใดได้รับแต่งตั้งเป็นใหญ่ ถ้าประพฤติอธรรม จะป่วยกล่าวไปไยถึงประชาชนที่เหลือ ถ้าราชาไม่ตั้งอยู่ในธรรม รัฐทั้งหมด
  54. เมื่อฝูงโคว่ายข้ามฟากอยู่ ถ้านำโคฝูงไปตรง โคทั้งหมดย่อมว่ายตรงไปตาม ฉันใด ในหมู่มนุษย์ก็ฉันนั้น ผู้ใดได้รับแต่งตั้งเป็นใหญ่ ถ้าผู้นั้นประพฤติธรรม ประชาชนที่เหลือก็เป็นอันไม่ต้องกล่าวถึง ถ้าราชาตั้งอยู่ในธรรม รัฐทั้งหมดย่อมอ
  55. เมื่อพระพุทธเจ้าผู้ทำความสว่างเกิดขึ้นในโลก, พระองค์ย่อมประกาศธรรมสำหรับดับทุกข์นี้
  56. เมื่อพ้นเพราะรู้ชอบ สงบคงที่แล้ว ใจคอของเขาก็สงบ คำพูดและการกระทำก็สงบ
  57. เมื่อภิกษุมีมานะ ประมาทแล้ว มีความหวังในภายนอก, ศีล สมาธิ ปัญญา ย่อมไม่ถึงความบริบูรณ์
  58. เมื่อภิกษุมีใจอันอบรมแล้วด้วยมรณะสัญญาอยู่โดยมาก จิตย่อมหวนกลับ งอกลับ ถอยกลับจากการรักชีวิต
  59. เมื่อมาเกิด ก็ไม่มีใครอ้อนวอนมาเกิด เมื่อตายจากโลกนี้ ก็ไม่มีใครอนุญาตให้ไป
  60. เมื่อมีความประมาท ก็เกิดความเสื่อม
  61. เมื่อมีความมัวเมา ก็เกิดความประมาท
  62. เมื่อมีความเสื่อม ก็เกิดโทษประดัง
  63. เมื่อมีจิตใจไม่หนักแน่น เห็นคนใจเบา มักประทุษร้ายมิตร ผู้มีความประพฤติกลับกลอกเป็นนิตย์ ย่อมไม่มีความสุข
  64. เมื่อมีจิตไม่มั่นคง ไม่รู้พระสัทธรรม มีความเลื่อมใสเลื่อนลอย ปัญญาย่อมไม่บริบูรณ์
  65. เมื่อมีชีวิต วัยแห่งชีวิตก็ร่นเข้ามา
  66. เมื่อยังมีชีวิตอยู่ ควรเกื้อกูลกัน
  67. เมื่อยังไม่ถึง ไม่ควรพูดอวด
  68. เมื่อวัยเสื่อมสิ้นไปอย่างนี้ ความพลัดพรากจากกัน ก็ต้องมีโดยไม่ต้องสงสัย หมู่สัตว์ที่ยังเหลืออยู่ ควรเมตตา เอื้อเอ็นดูกัน ไม่ควรจะมัวเศร้าโศกถึงผู้ที่ตายไปแล้
  69. เมื่อสัตบุรุษให้สิ่งที่ให้ยาก ทำกรรมที่ทำได้ยาก, อสัตบุรุษย่อมทำตามไม่ได้ เพราะธรรมของสัตบุรุษ ยากที่อสัตบุรุษจะประพฤติตาม
  70. เมื่อสัตว์จะตาย ไม่มีผู้ป้องกัน
  71. เมื่อสัตว์ถูกชรานำเข้าไปแล้ว ไม่มีผู้ป้องกัน
  72. เมื่อหมดกังวล ทุกข์ก็ไม่มี
  73. เมื่ออนารชนก่อกรรมชั่ว อารชนใช้อาชญาหักห้าม การกระทำนั้น เป็นการสั่งสอน หาใช่เป็นเวรไม่ บัณฑิตทั้งหลายเข้าใจกันอย่างนี้
  74. เมื่ออ่อนปัญญา ช่องทางวิบัติก็เกิดได้มหันต์
  75. เมื่อเกิดเรื่องราวขึ้น สหายช่วยให้เกิดสุข
  76. เมื่อเกิดเหตุร้ายแรง ย่อมต้องการคนกล้าหาญ เมื่อเกิดข่าวตื่นเต้น ย่อมต้องการคนหนักแน่น เมื่อมีข้าวน้ำบริบูรณ์ ย่อมต้องการคนที่รัก เมื่อเกิดเรื่องราวลึกซึ้ง ย่อมต้องการบัณฑิต
  77. เมื่อเขาไม่มีเยื่อใย ป่วยการอยู่กินด้วย
  78. เมื่อเรากล่าวธรรมอยู่ บาปย่อมไม่แปดเปื้อน
  79. เมื่อเศร้าโศกไป ก็เท่ากับทำร้ายตัวเอง ร่างกายจะผ่ายผอม ผิดพรรณจะซูบซีดหม่นหมอง ส่วนผู้ที่ตายไปแล้ว ก็จะเอาความโศกเศร้านั้นของเรา ไปช่วยอะไรตัวเขาไม่ได้ ความร่ำไรรำพัน ย่อมไร้ประโยชน์
  80. เมื่อใด พราหมณ์เป็นผู้ถึงฝั่นในธรรม 2 อย่าง เมื่อนั้นกิเลศเครื่องตรึงทั้งปวงของพราหณ์ผู้รู้นั้น ย่อมถึงความตั้งอยู่ไม่ได้
  81. เมื่อใดบัณฑิตรู้ว่าชรา และ มรณะเป็นทุกข์ กำหนดรู้ทุกข์ ซึ่งเป็นที่อาศัยแห่งปุถุขน มีสติเพ่งพินิจอยู่ เมื่อนั้น ย่อมไม่ประสบความยินดีที่ยิ่งกว่านั้น
  82. เมื่อให้ บุญก็เพิ่มขึ้น
  83. เมื่อให้ทานในวัตถุอันเลิศ บุญอันเลิศ อายุ วรรณะ ยศ เกียรต สุข และกำลังอันเลิศ ก็เจริญ
  84. เมื่อได้เพียรพยายามแล้ว ถึงจะตาย ก็ชื่อว่าตายอย่างไม่มีใครติเตียน ไม่ว่าในหมู่ญาติ หมู่เทวดา หรือว่าพระพรหมทั้งหลาย
  85. แม่น้ำเต็มฝั่ง ไม่ไหลทวนขึ้นที่สูง ฉันใด อายุของมนุษย์ทั้งหลาย ย่อมไม่เวียนกลับมาสู่วัยเด็กอีก ฉันนั้น
  86. แม่น้ำเสมอด้วยตัณหา ไม่มี
  87. แม้ชีวิตอยู่ร้อยปี ก็ไม่พ้นความตายไปได้ มวลมนุษย์ล้วนมีความตายรออยู่ข้างหน้า
  88. แม้มีปัญญารุ่งโรจน์อย่างไฟ เมื่ออยู่ในต่างประเทศ ก็ควรอดทนคำขู่เข็ญแม้ของทาส
  89. แม้หม้อน้ำยังเต็มด้วยหยาดน้ำฉันใด, คนเขลาสั่งสมบาปแม้ทีละน้อย ๆ ก็เต็มด้วบบาปฉันนั้น
  90. แม้ในมิตรก็ไม่ควรไว้ใจ
  91. ไม่ควรขอสิ่งที่รู้ว่าเป็นที่รักของเขา
  92. ไม่ควรคบคนเลวทราม นอกจากเพื่อให้ความช่วยเหลือ
  93. ไม่ควรคำนึงถึงสิ่งที่ล่วงไปแล้ว
  94. ไม่ควรดูหมิ่นต่อบุญว่ามีประมาณน้อย จักไม่มาถึง, แม้หม้อน้ำย่อมเต็มได้ด้วยหยาดน้ำที่ตกลง ฉันใด, ผู้มีปัญญาสั่งสมบุญแม้ทีละน้อย ๆ ย่อมเต็มได้ด้วยบุญฉันนั้น
  95. ไม่ควรดูหมิ่นลาภของตน
  96. ไม่ควรทำความสนิทสนมกับคนชั่ว
  97. ไม่ควรทำบาป เพราะเห็นแก่กิน
  98. ไม่ควรทำบาป แม้เพราะเห็นแก่กิน
  99. ไม่ควรพร่าประโยชน์แห่งตน เพราะประโยชน์ผู้อื่นแม้จะมีมาก
  100. ไม่ควรพูดจนเกินกาล ไม่ควรนิ่งเสมอไป ควรกล่าววาจาที่ไม่ฟั่นเฝือ ควรกล่าวให้พอดีๆ เมื่อถึงเวลา

 ความคิดเห็นในหัวข้อ "พุทธสุภาษิต หมวด ม"

 พุทธสุภาษิตที่แนะนำมาใหม่